

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนตุลาคม 2567 ดังต่อไปนี้
การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2567 มีทั้งสิ้น 118,842 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 25.13 และลดลงจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 2.81 เพราะผลิตเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 7.00 และผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงร้อยละ 51.70
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,246,868 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 ร้อยละ 19.28
รถยนต์นั่ง เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 47,481 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 17.07 โดยแบ่งเป็น
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 มีจำนวน 474,200 คัน เท่ากับร้อยละ 38.03 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 ร้อยละ 11.91 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนตุลาคม 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 90.74
รถยนต์บรรทุก เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 71,361 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 29.67 และตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 772,658 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 ร้อยละ 23.22
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 70,514 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 27.83 และตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 757,709 คัน เท่ากับร้อยละ 60.77 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 ร้อยละ 22.33 โดยแบ่งเป็น
รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน - มากกว่า 10 ตัน เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 847 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 77.52 รวมเดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตได้ 14,949 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 ร้อยละ 51.38
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 87,741 คัน เท่ากับร้อยละ 73.83 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 7.00 ส่วนเดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 861,916 คัน เท่ากับร้อยละ 69.13 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 4.69
รถยนต์นั่ง เดือนตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อการส่งออก 27,187 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 4.99 และตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 256,817 คัน เท่ากับร้อยละ 54.16 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 ร้อยละ 3.72
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนตุลาคม 2567 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 60,554 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 7.87 และตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 605,099 คัน เท่ากับร้อยละ 79.86 ของยอดการผลิตรถกระบะ ลดลงจากเดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 ร้อยละ 7.86 โดยแบ่งเป็น
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 31,101 คัน เท่ากับร้อยละ 26.17 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 51.70 และเดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตได้ 384,952 คัน เท่ากับร้อยละ 30.87 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 ร้อยละ 39.89
รถยนต์นั่ง เดือนตุลาคม 2567 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 20,294 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 29.14 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 ผลิตได้ 217,383 คัน เท่ากับร้อยละ 45.84 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 ลดลงร้อยละ 25.22
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนตุลาคม 2567 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9,960 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 68.85 และตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 152,610 คัน เท่ากับร้อยละ 20.14 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 ร้อยละ 52.14 ซึ่งแบ่งเป็น
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนตุลาคม 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 90.74
รถบรรทุก เดือนตุลาคม 2567 ผลิตได้ 847 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 77.52 และตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 14,949 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - ตุลาคม 2566 ร้อยละ 51.83
รถจักรยานยนต์
เดือนตุลาคม 2567 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 294,395 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 70.52 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 149,010 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 6.35 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 145,385 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 346.93
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,030,213 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 1.49 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 1,585,364 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 10.84 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 444,849 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 57.34
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 37,691 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 36.08 ต่ำสุดในรอบ 54 เดือนนับตั้งแต่ยกเลิกล๊อคดาวน์จากการระบาดโรคหวัด 19 เดือนพฤษภาคม 2563 จากการเข้มงวดในการให้กู้ซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินเป็นหลัก ส่งผลให้จำนวนบัญชีผู้กู้ซื้อรถยนต์ในไตรมาสสามมี 6,365,571 บัญชีลดลงจากไตรมาสสอง 75,377 บัญชีเท่ากับร้อยละ 1.2 และลดลงจากไตรมาสสามปี 2566 จำนวน 199,655 บัญชีหรือร้อยละ 3.0 จำนวนเงินหนี้รถยนต์ไตรมาสสาม 2,465,204 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสสองร้อยละ 2.8 และลดลงร้อยละ 5.8 จากไตรมาสสามปี 2566 รถบรรทุกลดลงจากเศรษฐกิจของประเทศที่ยังอ่อนแอเติบโตในอัตราต่ำและหนี้ครัวเรือนสูง ดัชนีภาคอุตสาหกรรมขยายตัวต่ำที่ร้อยละ 0.1 ในไตรมาสสาม
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 21,814 คัน เท่ากับร้อยละ 57.67 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 33.21
รถกระบะมีจำนวน 10,896 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 41.65 รถ PPV มีจำนวน 2,451 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 43.33 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,270 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 33.02 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,260 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 10.57
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 140,113 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2566 ร้อยละ 18.86 และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 3.80
ตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 รถยนต์มียอดขาย 476,350 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 26.24 แยกเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 284,304 คันเท่ากับร้อยละ 59.84 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 12.22
รถกระบะมีจำนวน 137,456 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 39.54 รถ PPV มีจำนวน 29,395 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 42.98 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 13,582 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 38.83 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 11,613 คัน ลดลงจากเดือนช่วงกันในปีที่แล้ว 10.87
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,421,824 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 ร้อยละ 10.09 แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ ICE จำนวน 1,421,624 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 10.04 รถจักรยานยนต์ BEV จำนวน 200 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 9.09
การส่งออก
รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนตุลาคม 2567 ส่งออกได้ 84,334 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 5.08 แต่ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 20.23 ส่งออกลดลงเพราะฐานสูงในเดือนเดียวกันของปี 2566 ที่ส่งออกถึง 105,726 คัน ส่งผลให้ส่งออกลดลงทุกตลาด ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและยุโรปที่สงครามอิสราเอลกับฮามาสขยายมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวน้อยลง อีกความขัดแย้งที่ต้องติดตามแบบไม่กระพริบตาที่จะกระทบเศรษฐกิจโลกคือสงครามยูเครนกับรัสเซียที่อาจขยายไปประเทศอื่นซึ่งกระทบการส่งออกรถยนต์และสินค้าอื่นๆ แบ่งเป็น
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 55,728.19 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 23.11
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนตุลาคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 77,274.86 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 19.78
เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 853,221 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 8.02 แบ่งเป็น
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 588,790.48 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 ร้อยละ 0.53 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 802,220.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 ร้อยละ 0.38
รถจักรยานยนต์
เดือนตุลาคม 2567 มีจำนวนส่งออก 175,066 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567 ร้อยละ 150.98 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 156.94 โดยมีมูลค่า 6,562.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 16.62
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนตุลาคม 2567 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 7,063.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 17.69
เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 776,362 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 15.89 มีมูลค่า 52,751.56 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 5.76
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 56,639.39 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 ร้อยละ 5.89
เดือนตุลาคม 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 79,338.66 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ17.59
เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 858,860.17 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 0.06
ปรับเป้าการผลิตรถยนต์ ปี 2567 จาก 1,700,000 คันเป็น 1,500,000 คัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในปี พ.ศ. 2567 (ใหม่)
ปรับเป้าผลิตรถยนต์ปี 2567 จาก 1,700,000 คันเป็น 1,500,000 คัน ลดลง 200,000 คัน โดยปรับการผลิตขายในประเทศลดลงจาก 550,000 คันเป็น 450,000 คัน และการผลิตเพื่อส่งออกลดลงจาก 1,150,000 คัน เป็น 1,050,000 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนตุลาคม 2567
เดือนตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 6,651 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 32.19 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งจำนวน 4,782 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 101 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 1 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 6 คัน
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 2 คัน
- รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 1 คัน
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,702 คัน
เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 82,304 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 6.12 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งจำนวน 57,484 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 1,634 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 10 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 67 คัน
- รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 3 คัน
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 38 คัน
- รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 106 คัน
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 21,647 คัน
- รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 109 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนตุลาคม 2567
เดือนตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,622 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 30.36 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งจำนวน 8,567 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 1 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 1 คัน
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 53 คัน
เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 112,819 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 56.61 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งจำนวน 112,253 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 26 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 17 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 53 คัน
- รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 3 คัน
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 466 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนตุลาคม 2567
เดือนตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 773 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 8.95 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งจำนวน 773 คัน
เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 8,083 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - ตุลาคมปีที่แล้วร้อยละ 22.15 โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์นั่งจำนวน 8,076 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 7 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 213,173 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 94.70 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งมีจำนวน 145,749 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 105.46
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 2,251 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 399.11
- รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 80 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 175.86
- รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 143 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 429.63
- รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 333 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 166.40
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 120 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 53.85
- รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 906 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 30.92
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 59,269 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 73.68
- รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 127 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.10
- รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,705 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 11.96
- รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 673 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 139.50
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 455,364 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 37.67 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งมีจำนวน 445,069 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.70
- รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 497 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.41
- รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 73 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 52.08
- รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 206 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 43.06
- รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 150
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 190 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 68.14
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,321 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 2.44
- รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 61,913 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 17.53 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
- รถยนต์นั่งมีจำนวน 61,841 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 17.55
- รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 43 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 4.88
- รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 19 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 5
- รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 66.67
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 25
25 พฤศจิกายน 2567
ผู้ชม 31 ครั้ง