กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยกทัพบิ๊กไบค์สู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 นำขบวนโดยมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS รุ่นใหม่ของมอเตอร์ไซค์ GS ในตำนาน บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 นี้ ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี พร้อมส่งสุดยอดมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มทัวริ่ง เอนดูโร R 1300 GS ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ลดทอนน้ำหนักลงถึง 12 กิโลกรัม เครื่องยนต์และการออกแบบถังเชื้อเพลิงให้โฉบเฉี่ยวและกะทัดรัดยิ่งกว่าที่เคย รวมถึงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู CE 02 ใหม่ ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองโดยเฉพาะ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “eParkourer” ที่มอบทั้งความคล่องตัว ทรงพลัง และความเร้าใจในการขับขี่ และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ซูเปอร์ไบค์ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะในการขับเคลื่อน ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์สไตล์มอเตอร์สปอร์ต และบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 ใหม่ สำหรับประสบการณ์ทัวริ่งสุดหรูในทุกช่วงเวลาการขับขี่ทางไกล และความสบายที่เหนือระดับ
มร. ชิวาภาดา เรย์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยังคงมีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดบิ๊กไบค์ของไทย และให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม พร้อมนำมอเตอร์ไซค์ใหม่ 4 รุ่น สู่งานมอเตอร์โชว์ 2024 ณ บูธ M7 รวมถึงโปรโมชันพิเศษและสิทธิประโยชน์ มาให้ลูกค้าเลือกสรร พร้อมมอบประสบการณ์ในการขับขี่ที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้านักบิดในไทยของเรา”
ไฮไลท์รถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45
บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ใหม่ สี Triple Black
ราคาจำหน่าย: 1,125,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ใหม่ สี GS Trophy
ราคาจำหน่าย: 1,125,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ใหม่ สี Option 719
ราคาจำหน่าย: 1,205,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ใหม่ มาพร้อมสมรรถนะที่เหนือไปอีกขั้นในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง เอนดูโร จากตระกูล GS กับการปรับโฉมใหม่เกือบทั้งหมด ด้วยการลดทอนน้ำหนักลงถึง 12 กิโลกรัม พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบวางเรียงระดับตำนานของตระกูล GS ที่ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดยิ่งกว่าที่เคย พร้อมความจุ 1,300 ซีซี ส่งพละกำลังสูงสุด 107 กิโลวัตต์ (145 แรงม้า) ที่ 7,750 รอบต่อนาที มอบแรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที นับว่าเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่บีเอ็มดับเบิลยูเคยมีมา
ระบบกันสะเทือนใหม่มีแกนหลักขึ้นรูปจากแผ่นเหล็กกล้า ซึ่งนอกจากจะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพในแง่ของตำแหน่งการติดตั้ง ยังมอบความหน่วงที่มากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ชุดเฟรมด้านหลังผลิตจากอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป แทนชุดเฟรมเหล็กกล้าสองชั้นแบบเดิม บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS มาพร้อมระบบกันสะเทือน EVO Telelever ใหม่ที่ล้อหน้า ส่วนระบบกันสะเทือนล้อหลังมาพร้อมระบบ EVO Paralever ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ มอบจังหวะการบังคับเลี้ยวที่เฉียบคมและเสถียรภาพในการทรงตัวที่เหนือชั้นยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ยังมาพร้อมระบบปรับช่วงล่างแบบไดนามิก (DSA) ใหม่ ซึ่งปรับความหนืดของระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังให้เข้ากับอัตราการยุบตัวของสปริง โดยทำงานสอดรับกับโหมดการขับขี่ที่เลือก สภาพถนนและลักษณะการขับขี่ ระบบควบคุมความสูงแบบอัตโนมัติ (Adaptive Vehicle Height Control System) ช่วยปรับความสูงของมอเตอร์ไซค์อย่างอัตโนมัติตามสภาพการใช้งานในเวลานั้น ๆ การันตีความสะดวกสบายสูงสุดให้การขับขี่เต็มไปด้วยสีสัน
สำหรับสายผจญภัยทางวิบากสามารถเลือกโหมดการขี่ “Enduro” ใหม่ ซึ่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นระหว่างการผจญภัยบนเส้นทางวิบากโดยเฉพาะ โหมดการขับขี่ "Rain" และ "Road" ปรับแต่งเพื่อรองรับการขับขี่บนสภาพท้องถนนหลากหลายรูปแบบ ในขณะที่โหมด "Eco" จะมอบการขับขี่ที่ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัดน้ำมันเพื่อระยะการเดินทางสูงสุด
บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS มาพร้อมไฟหน้าแบบ Full-LED ขนาดกะทัดรัด พร้อมไฟรูปแบบใหม่ที่ดูแตกต่าง ออกแบบให้ดูทันสมัยโดดเด่นตามมาตรฐาน ด้วยไฟ LED สองดวงสำหรับไฟต่ำและสูง นอกจากนี้ ยังมีไฟ LED เพิ่มเติมอีกสี่ดวงสำหรับใช้เป็นไฟส่องสว่างเวลากลางวันและไฟส่องสว่างด้านข้าง ช่วยมอบทัศนวิสัยที่เหนือชั้นกว่าที่เคยในทุกการขับขี่ ฟีเจอร์ Headlight Pro ยังช่วยปรับลำแสงจากไฟหน้า LED ตามการเข้าโค้ง เพื่อการขับขี่อย่างมั่นใจ ไฟเลี้ยวแบบ LED ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ติดตั้งที่บริเวณแฮนด์การ์ดพร้อมฟังก์ชันครบครัน มอบความสมบูรณ์แบบให้กับระบบไฟส่องสว่างของบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ใหม่
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ใหม่ อัดแน่นด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงแบบใหม่ ประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วคงที่ Active Cruise Control (ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้า Front Collision Warning (FCW) และ ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ Lane Change Warning (SWW) โดยระบบควบคุมความเร็วคงที่มาพร้อมระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ทำให้ตั้งค่าความเร็วรวมถึงระยะห่างจากรถคันหน้าได้ตามความต้องการ ระบบเตือนการชนด้านหน้ามาพร้อมระบบเบรก ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการชนและช่วยลดความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในขณะที่ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติช่วยตรวจสอบสิ่งกีดขวางบริเวณเลนซ้ายและขวา เมื่อใช้ร่วมกับกระจกมองหลังจะยิ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในขณะเปลี่ยนเลน
บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ใหม่ ได้ปรับโฉมรถมอเตอร์ไซค์ในตระกูล GS แบบดั้งเดิม สู่สไตล์การออกแบบที่ปราดเปรียวยิ่งกว่า ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบถังเชื้อเพลิงอลูมิเนียมใหม่ให้แบนราบลง มอบรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว โดยบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS พร้อมให้เหล่านักบิดจับจองเป็นเจ้าของได้ใน 3 เฉดสีสุดโดดเด่น ได้แก่ สีดำ Black Storm Metallic สุดเท่, สีน้ำเงิน Racing Blue Metallic ที่ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง, และสีเขียว-ทองสุดหรูหราในเฉด Option 719 Aurelius Green Metallic
บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 ใหม่
ราคาจำหน่าย: 479,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 ใหม่ เป็นยนตรกรรมไฟฟ้าจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้ชีวิตในเมือง มาในคอนเซ็ปท์ “eParkourer” (Pakour หรือ ปากัวร์ เป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่เน้นการปีนป่ายข้ามอุปสรรคด้วยความรวดเร็ว) มอบความคล่องตัว ทรงพลังและความเร้าใจในการขับขี่แต่ละวัน พร้อมสัมผัสประสบการณ์สดใหม่ในการขับขี่ยนตรกรรมบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด
บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 ใหม่ ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง เป็นยนตรกรรมไฟฟ้าที่แตกต่างจากมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า มอบความคล่องตัว ความสะดวกสบาย ความทนทาน และความสนุกเร้าใจทุกการขับขี่ การออกแบบสะท้อนความเป็นอิสระและความสนุกสนาน สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนจากเบาะนั่งที่มีรูปทรงคล้ายสเก็ตบอร์ด ตัวถังใช้สีดำเป็นหลัก ทั้งโครงรถ ล้อ บังโคลนหน้าและแผงคอ ตกแต่งด้วยสีเทา Granite Grey Metallic Matt บริเวณฝาครอบเครื่องยนต์ มอบความโดดเด่นสวยงามจากความแตกต่างระหว่างพื้นผิวด้านและมันวาวบนตัวถัง
บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 48 โวลต์ ความจุ 1.96 กิโลวัตต์-ชั่วโมง 2 ก้อน โดยแบตเตอรี่สามารถถอดได้ระหว่างการบำรุงรักษา สร้างกำลังได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ (15 แรงม้า) ส่งแรงบิดสูงสุด 55 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียง 3 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งได้ไกลถึง 95 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยแบตเตอรี่สามารถชาร์จจาก 0% ถึง 100% ในเวลา 210 นาที และชาร์จจาก 20% ถึง 80% ในเวลา 102 นาที ด้วยสายชาร์จแบบเร็วที่ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยให้กำลังไฟสูงถึง 1,500 วัตต์ บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 ใหม่ยังมาพร้อมกับ 2 รูปแบบการขับขี่คือโหมด "Flow" และ "Surf" โดยโหมด "Flow" เหมาะสำหรับการขับขี่ฝ่าการจราจรหนาแน่นในเมือง ในขณะที่โหมด "Surf" มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจเมื่อพ้นช่วงการจราจรที่พลุกพล่าน
บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 ใหม่ มาพร้อมชุดเฟรมเหล็กกล้าสองชั้นที่ทนทานต่อการบิดงอ ช่วงล่างแบบ telescopic ติดตั้งบริเวณล้อหน้า ล้อหลังติดตั้งระบบสวิงอาร์มเดี่ยวและช่วงล่างแบบ pivoted ยางหน้ากว้างหุ้มล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบดิสก์วีล พร้อมดิสก์เบรกทั้งล้อหน้าและล้อหลังเพื่อเพิ่มความมั่นใจขณะชะลอความเร็ว ระบบเบรก ABS ของบีเอ็ม
ดับเบิลยู มอเตอร์ราดติดตั้งที่ล้อหน้ายังช่วยเพิ่มความปลอดภัยเหนือระดับ
แผงหน้าปัดควบคุมของบีเอ็มดับเบิลยู CE 02 มาพร้อมจอภาพสี TFT ให้ภาพที่คมชัด โดยแสดงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ อาทิ ความเร็วในการขับขี่และสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ ช่องชาร์จ USB-C ทำให้ชาร์จสมาร์ทโฟนได้สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน BMW Motorrad Connected ยังแสดงระยะเวลาที่คาดว่าการชาร์จจะสิ้นสุดบน
สมาร์ทโฟนผ่านการเชื่อมต่อผ่านระบบบลูทูธอีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ (สี Light white/M Motorsport)
ราคาจำหน่าย: 1,005,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ส่งมอบสมรรถนะในแบบซูเปอร์ไบค์มาท้าทายขีดจำกัดนักบิดอีกครั้งกับสี Light White/M Motorsport ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ มอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าวผสานจิตวิญญาณ #NeverStopChallenging เหมาะสำหรับการขี่ทุกรูปแบบทั้งบนท้องถนน ในสนามแข่ง หรือทั้งสองสไตล์ร่วมกัน มาพร้อมคุณสมบัติเหนือชั้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น แชสซีและระบบช่วงล่างที่เหนือชั้นกว่าที่เคย ระบบเบรก Slide Control ระบบควบคุม Dynamic Traction Control ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นควบคุมการลื่นไถล (Slide Control) และอีกหลากหลายระบบช่วยเหลือสุดล้ำสมัย คุณสมบัติดังกล่าวยังช่วยสร้างไดนามิกการขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR พร้อมมอบสมรรถนะขั้นสูงสุดและประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใครให้แก่เหล่านักบิด
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน 4 วาล์วไทเทเนียมต่อลูกสูบ DOHC และ BMW ShiftCam ความจุ 999 ซีซี ส่งพละกำลัง 154 กิโลวัตต์ (210 แรงม้า) ที่ 13,750 รอบต่อนาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 303 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาที ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่และการเร่งขณะขับขี่ที่ความเร็วต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
หัวใจสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ คือ โครงสร้างตัวถังแบบ "Flex Frame" อันก้าวล้ำ ซึ่งเป็นแชสซีและระบบกันสะเทือนแบบใหม่ที่ได้รับการพัฒนาในด้านความแม่นยำในการขับขี่ การควบคุมที่เฉียบคม และการตอบสนองจากล้อหน้าที่ฉับไวยิ่งขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ยังสามารถรองรับสไตล์การขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง 4 รูปแบบการขับขี่พื้นฐาน ได้แก่ โหมดการขับขี่ “Rain”, “Road”, “Dynamic” และ “Race” อีกทั้งยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ “Pro” ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนการควบคุมต่าง ๆ ให้ตรงกับรูปแบบการขับขี่เฉพาะตัว ทำงานร่วมกับระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น Slide Control สามารถให้ผู้ขับขี่เลือกการตั้งค่าการดริฟท์ได้สองระดับขณะเร่งออกจากโค้ง ในทำนองเดียวกัน ระบบ ABS ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันระบบควบคุมการเลื่อนเบรก Slide Control ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่ามุมดริฟท์เฉพาะสำหรับสไตล์การขับที่เรียกว่าการดริฟต์เบรก ขณะที่ไถลเข้าโค้งด้วยความเร็วคงที่
ด้านดีไซน์ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ยังมาพร้อมรูปโฉมด้านหน้าใหม่ ฝาครอบเบาะนั่งซ้อนท้ายที่หรูหรา และส่วนท้ายแบบใหม่ เบากว่าและดูสปอร์ตยิ่งขึ้น สี Black Storm Metallic ยังช่วยให้มอเตอร์ไซค์มีรูปลักษณ์ที่หรูหราอย่างยิ่ง โดยเน้นถึงธรรมชาติของตัวรถที่มีสมรรถนะสูงจากในสนามแข่ง ในขณะที่รุ่นสี Light White/M Motorsport ใหม่ ก็มาพร้อมกับแถบสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของของโลโก้บีเอ็มดับเบิลยู M พร้อมตกแต่งด้วยแถบสีขาวดำตัดกับส่วนที่เหลือของมอเตอร์ไซค์
บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GT ใหม่
ราคาจำหน่าย เริ่มต้น 1,695,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GTL ใหม่
ราคาจำหน่าย เริ่มต้น 1,775,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B ใหม่
ราคาจำหน่าย เริ่มต้น 1,695,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 Grand America ใหม่
ราคาจำหน่าย เริ่มต้น 1,775,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ทัพมอเตอร์ไซค์ในตระกูล K 1600 ใหม่ จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมเร่งเครื่องสู่ท้องถนนและพาเหล่านักบิดสัมผัสประสบการณ์ทัวริ่งสุดหรูในทุกช่วงเวลาของการขับขี่ โดยแต่ละรุ่นมอบประสบการณ์การขับขี่ทางไกลที่มาพร้อมความสบายเหนือระดับ บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GT มอบประสบการณ์การขับขี่ที่คล่องตัวและทรงพลังด้วยเครื่องยนต์แบบ 6 สูบ บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GTL ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อมอบความสบายในการขับขี่ มาพร้อมกล่องสัมภาระท้ายรถ (top case) แบบมาตรฐานเพื่อประสบการณ์การขับขี่สุดประทับใจ ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B ออกแบบให้มีความปราดเปรียวด้วยด้านท้ายที่ลาดต่ำในสไตล์แบกเกอร์ และบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 Grand America ต่อยอดการออกแบบจากรุ่น K 1600 B พร้อมอุปกรณ์เสริมที่ทำให้ทุกการขับขี่ทางไกลเปี่ยมด้วยความสะดวกสบายและสนุกเร้าใจ
ทัพมอเตอร์ไซค์ทั้งสี่รุ่นในตระกูล K 1600 ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ส่งพละกำลังสูงสุด 118 กิโลวัตต์ (160 แรงม้า) ที่ 6,750 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร ที่ 5,250 รอบต่อนาที โดยทุกรุ่นมาพร้อมระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) เพื่อป้องกันการลื่นไถลที่เกิดจากล้อหลังหมุนฟรีขณะเข้าเกียร์ว่างหรือเปลี่ยนเกียร์เพื่อลดความเร็ว
มอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล K 1600 ใหม่ ทุกรุ่น มาพร้อมระบบควบคุมช่วงล่างแบบไฟฟ้า (Dynamic ESA) เจเนอเรชันใหม่ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย มอบสมรรถนะเร้าใจและความสะดวกสบายในทุกสถานการณ์ โดยทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่, ลักษณะการควบคุมหรือแม้แต่ตำแหน่งการขับขี่ โดยในสถานการณ์ปกติ ระบบปรับช่วงล่างด้วยระบบไฟฟ้า (Dynamic ESA) จะเริ่มทำงานในโหมดการขับขี่ "Road" แต่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโช้คอัพให้มีความหน่วงมากขึ้นและควบคุมรถได้เฉียบคมขึ้นโดยกดปุ่มเปลี่ยนไปยังโหมด "Dynamic" ส่วนรุ่น K 1600 GT และ GTL ยังมีโหมดการขับขี่ "Rain" เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมได้อย่างมั่นใจในสภาวะการขับขี่ที่ท้าทาย โดยรุ่นย่อย
K 1600 B และ K 1600 Grand America มาพร้อมโหมด "Cruise" มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างขับขี่ทางไกล
ในฐานะผู้บุกเบิกด้านความปลอดภัยในการขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 ใหม่ ยังติดตั้งมากับไฟหน้า LED เต็มรูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีเลนส์ LED และไฟส่องสว่างในเวลากลางวันซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อมอบความสว่างและทัศนวิสัยที่ชัดเจนบนถนน ฟังก์ชันไฟหน้าแบบปรับได้อัตโนมัติช่วยปรับลำแสง LED ของไฟให้ต่ำและสาดไปด้านข้างขณะเข้าโค้ง เพื่อทัศนวิสัยที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันไฟที่ครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ สะดวกสบาย และสามารถใช้งานได้จริง เช่น ทันทีที่สตาร์ทเครื่อง ฟังก์ชัน “welcome light” จะถูกเปิดใช้งานเพื่อให้ไฟหน้าและไฟท้ายสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ ในขณะที่ฟังก์ชัน “goodbye” จะทำให้ไฟทำงานไปซักระยะหนึ่งหลังจากที่ดับเครื่องยนต์ลง แล้วจึงค่อย ๆ ดับสนิท ในขณะเดียวกัน ฟังก์ชัน “follow me home” ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดไฟหน้าได้ชั่วครู่หลังดับเครื่องยนต์ เพื่อการควบคุมรถอย่างปลอดภัยภายในลานจอดช่วงเวลากลางคืน
บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GT, K 1600 GTL, K 1600 B และ K 1600 Grand America ใหม่ มาพร้อมจอภาพสี TFT ขนาด 10.25 นิ้ว ใหม่ พร้อมระบบนำทางและฟีเจอร์การเชื่อมต่อเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบเสียง 2.0 ใหม่ และเครื่องรับสัญญาณวิทยุดิจิทัล DAB+ (Digital Audio Broadcasting Plus) มอบความเพลิดเพลินตลอดเส้นทางการขับขี่ด้วยระบบเสียงที่ดังฟังชัดรวมถึงการรับสัญญาณเสียงที่มีความเสถียรสูงสุด
บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B และ K 1600 Grand America พร้อมให้เป็นเจ้าของในสีดำ Black Storm Metallic, สีเทาด้าน Manhattan Metallic Matt และสีพิเศษ Option 719 Ionic Silver Metallic ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GT มาในสีดำ Black Storm Metallic, สีขาว Light White / สีน้ำเงิน Racing Blue Metallic / สีแดง Racing Red และสี Option 719 Meteoric Dust 2 Metallic ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GTL มาในสีดำ Black Storm Metallic, สีฟ้า Gravity Blue Metallic และสี Option 719 Meteoric Dust 2 Metallic
อุ่นใจขึ้นและสนุกกว่าในทุกเส้นทางกับข้อเสนอพิเศษในงานมอเตอร์โชว์ 2024
ข้อเสนอพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
รุ่น |
ข้อเสนอ |
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR |
|
บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS |
|
บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT บีเอ็มดับเบิลยู R 18 บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic บีเอ็มดับเบิลยู R 18 B บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Transcontinental บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure |
|
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure |
|
บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS |
|
20 มีนาคม 2567
ผู้ชม 40 ครั้ง