- OMODA & JAECOO เปิดตัวฐานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในมาเลเซีย พร้อมเปิดตัวรถยนต์ JAECOO 7 ออฟโรดระดับไฮเอนด์ที่ผลิตในมาเลเซียครั้งแรก โดยโรงงานผลิตนี้ตั้งอยู่ที่เมืองสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย จะนำเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะมาสู่มาเลเซีย สร้างโอกาสในการทำงาน และกระตุ้นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ของประเทศมาเลเซียให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมทั้งช่วยยกระดับให้มาเลเซียขึ้นแท่นฮับผลิตยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน และถือเป็นหมุดหมายการเดินหน้าครั้งสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์ OMODA & JAECOO
- นาย Tengku Zafrul รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย และนาย Jin Zhuanglong รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีเปิดตอกย้ำการให้ความสำคัญของโครงการพัฒนามาเลเซียของรัฐบาลทั้งสองประเทศ
- OMODA & JAECOO มุ่งมั่นต่อกลยุทธ์การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนในระยะยาวในตลาดมาเลเซีย โดยได้ดำเนินการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ขั้นสูงของอุตสาหกรรมยานยนต์มาเลเซีย ควบคู่ไปกับนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของมาเลเซีย ผ่านการส่งเสริมการผลิตและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์พลังงานใหม่
- การจัดตั้งโรงงาน OMODA & JAECOO ในมาเลเซีย แบรนด์วางแผนจะใช้โรงงานในมาเลเซียเป็นสะพานเชื่อมขยายสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บนความมุ่งมั่นในการขยายไปทั่วโลก และส่งเสริมการพัฒนารถยนต์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่ทั่วโลก
- สำหรับประเทศไทย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้วางแผนลงทุนก่อสร้างและได้รับการอนุมัติการก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยตั้งเป้าหมายยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
OMODA & JAECOO เปิดตัวฐานการผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในประเทศมาเลเซีย และเปิดตัวรถยนต์ JAECOO 7 รถยนต์ออฟโรดระดับไฮเอนด์คันแรกที่ผลิตในโรงงานดังกล่าว โดยโรงงานของ OMODA & JAECOO นี้ ตั้งอยู่ในเมืองสลังงอร์ (Selangor) เมืองหลวงของรัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ถือเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์และเป็นเมืองศูนย์กลางของการคมนาคมของมาเลเซีย สำหรับการเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่ JAECOO 7 ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของ OMODA & JAECOO และตอกย้ำความมุ่งมั่นหลักการ “In Somewhere for Somewhere” และการพัฒนาในระยะยาวในตลาดระดับภูมิภาค
ในงานเปิดตัวดังกล่าวได้รับเกียรติจาก นาย Tengku Zafrul รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้าและอุตสาหกรรม มาเลเซีย (Ministry of Investment, Trade and Industry of Malaysia: MITI) และ นาย Jin Zhuanglong รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Minister of Industry and Information Technology of China) พร้อมด้วย นาย Yin Tongyue ประธาน Chery Automobile นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซีย ผู้แทนจำหน่าย พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ และสื่อมวลชนของมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้
ตั้งเป้ายกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์มาเลเซียอย่างยั่งยืนด้วยพลังงานใหม่
นาย Yin Tongyue ประธาน Chery Automobile กล่าวว่า มาเลเซียเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ OMODA & JAECOO โดยมีเป้าหมายหลักคือการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรและลูกค้าของแบรนด์ OMODA & JAECOO จะเดินหน้าสร้างเครือข่ายการบริการที่แข็งแกร่งกับร่วมพันธมิตรผู้แทนจำหน่ายในมาเลเซีย เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมผ่านเทคโนโลยียนตรกรรมและการบริการที่เป็นเลิศ สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขั้นสูงที่มีคุณภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ในมาเลเซีย ผ่านการแบ่งปันความได้เปรียบด้านทรัพยากรของระบบระดับโลกของแบรนด์เราสู่ท้องถิ่น
ฐานการผลิตรถยนต์ของ OMODA & JAECOO ในเมืองสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรม Seremban ซึ่งถือเป็นที่ตั้งที่ได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ใกล้กับ “ท่าเรือกลัง” ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อำนวยความสะดวกได้อย่างดีเยี่ยมในการส่งออกผลิตภัณฑ์ในอนาคต สำหรับการเปิดตัวรถยนต์ JAECOO 7 รุ่นแรกที่ผลิตโดยโรงงานนี้ แสดงให้เห็นว่ามาเลเซียจะกลายเป็นตลาดแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ OMODA & JAECOO ประสบความสำเร็จในการผลิตโมเดลออฟโรดพลังงานใหม่ระดับไฮเอนด์นอกประเทศจีน
ในงานเปิดตัวครั้งนี้ แขกผู้มีเกียรติได้เยี่ยมชมการผลิตอัจฉริยะของโรงงานซึ่งใช้ระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีขั้นสูง และระบบควบคุมคุณภาพที่ซับซ้อนของสายการผลิตรถยนต์ JAECOO 7 ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะรถ SUV ออฟโรดระดับไฮเอนด์รุ่นแรกที่สร้างสรรค์โดยแบรนด์ JAECOO นอกจากนี้ ยังแสดงถึงศักยภาพของ OMODA & JAECOO ในตลาดกลุ่มรถยนต์ออฟโรดระดับโลก และการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ JAECOO 7 ในประเทศมาเลเซีย ที่จะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมทะลุกรอบสมรรถนะของรถยนต์ออฟโรดแบบดั้งเดิม ด้วยการผสมผสานมรดกทางเทคนิคดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมอัจฉริยะแห่งอนาคตที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ชาวมาเลเซียก้าวสู่ยุคใหม่ของนวัตกรรมยานยนต์อย่างไม่เกรงกลัวใคร
อย่างไรก็ดี OMODA & JAECOO มุ่งตอบสนองแผนการพัฒนาที่ยั่งยืนของมาเลเซียอย่างยิ่งยวด รับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า พร้อมช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สีเขียวในมาเลเซีย ซึ่งในงาน Malaysia Auto Show ที่ผ่านมา JAECOO ได้เผยโฉมไลน์อัพรถยนต์พลังงานใหม่หลากหลายรุ่นเสิรมความแข็งแกร่งของแบรนด์ท่ามกลางการแข่งขัน นำโดยโมเดลรุ่นตำนานอย่าง JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 6 ออฟโรดพลังงานไฟฟ้า 100%
OMODA & JAECOO ส่งผ่านแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยคอนเซ็ปต์ “พลังงานใหม่ ระบบนิเวศใหม่ แห่งยุคใหม่” ที่ยึดมั่นสู่การพัฒนาโรงงานในสลังงอร์ โดยโรงงานแห่งนี้จะรองรับการผลิตส่วนประกอบหลักของรถยนต์ได้มากขึ้น และยังร่วมมือกับซัพพลายเออร์ของประเทศมาเลเซียในทุกด้าน เพื่อสร้างระบบนิเวศห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์มาเลเซียไปถึงเป้าหมายอย่างเต็มรูปแบบ กลยุทธ์เหล่านี้ จะทำให้ผู้บริโภคชาวมาเลเซียได้ขับขี่รถยนต์พลังงานใหม่ที่โดดเด่น อัจฉริยะ และนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อไป
จากมาเลเซียสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับเป้าหมายระดับโลก
สำหรับปีนี้ OMODA & JAECOO ถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาส ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดยานยนต์โลก การตัดสินใจสร้างฐานผลิตรถยนต์แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนในประเทศมาเลเซีย แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของแบรนด์ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยประเทศมาเลเซียมีศักยภาพทางการตลาดอย่างมาก ในฐานะเป็นประเทศที่มีตลาดยานยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในอาเซียน รองจาก ประเทศไทย และอินโดนีเซีย และยังมีแบรนด์รถยนต์ของตัวเองในปัจจุบันถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาค ประกอบกับมาเลเซียมีรากฐานการผลิตยานยนต์ที่ค่อนข้างเติบโต ทำให้มาเลเซียเป็นจุดหมายเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับการพัฒนาระดับโลกของ OMODA & JAEECO ซึ่งการเปิดโรงงานในมาเลเซียนี้จะเป็นสะพานเชื่อมการแสวงหาการพัฒนาร่วมกันที่กว้างขึ้นในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยผลักดันให้ OMODA & JAECOO ขยายแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย “คุณภาพและมาตรฐานระดับโลก” อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่ทั่วโลก
OMODA & JAECOO วางวิสัยทัศน์การพัฒนาด้วยมุมมองระยะยาวในระดับโลกมาโดยตลอด ผ่านการผสานจุดแข็งทั้งด้านระบบบริหารจัดการ ทรัพยากร และเทคโนโลยี ที่จะส่งเสริมให้เกิดพัฒนาพื้นที่และห่วงโซ่อุตสาหกรรมในหลายประเทศที่เข้าไปขยายตลาด และทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับโลกได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการวิจัยและพัฒนากระบวนผลิต OMODA & JAECOO มุ่งตอบสนองต้องการการใช้งานรถยนต์ที่แตกต่างกันของตลาดแต่ละพื้นที่ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับโลก โดยโรงงานของ OMODA & JAECOO มีการใช้เทคโนโลยีช่วยในการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานที่แม่นยำ และมีการจัดตั้งหลากหลายภูมิภาคทั่วโลกที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศต่าง ๆ ที่เข้าไปดำเนินการ นอกเหนือจากการเริ่มผลิตที่โรงงานในมาเลเซียแล้ว OMODA & JAECOO ยังได้เริ่มดำเนินการผลิตในโรงงานแห่งแรกในยุโรปที่ประเทศสเปนด้วยเช่นกัน
นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยียนตรกรรมแห่งอนาคตแล้ว OMODA ยังให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายการขายและการบริการหลังการขายในทุก ๆ ตลาดทั่วโลก บริษัทฯ ได้จัดตั้งคลังอะไหล่ในภูมิภาคต่าง ๆ อาทิ เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ เพื่อให้มั่นใจถึงความพร้อมในการให้บริการหลังการขาย ในขณะเดียวกัน รถยนต์ของแบรนด์จะได้อัปเกรดและเพิ่มประสิทธิภาพการรับประกันอะไหล่ รวมถึงการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ขับขี่ทางเทคนิค เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ประทับใจกับแบรนด์ให้กับผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน OMODA & JAECOO ทำการตลาดในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยมียอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกกว่า 240,000 คัน ทำให้ OMODA & JAECOO เป็นแบรนด์ส่วนบุคคลที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดยานยนต์โลก และในอนาคต OMODA & JAECOO มุ่งมั่นดำเนินกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปสู่สากล โดยผสมผสานระหว่าง “การจัดการทรัพยากรทั่วโลกให้มีประสิทธิภาพ” และ “การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในพื้นที่” ควบคู่ต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้พลังงานใหม่และการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้วางแผนลงทุนก่อสร้างและได้รับการอนุมัติการก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) หรือบีโอไอ ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2568 โรงงานฯ ดังกล่าวนี้ ในเฟสแรกจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่ (BEV) และไฮบริด (HEV) โดยมีเป้าหมาย 50,000 คันต่อปี และในเฟสที่สอง ภายในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิต 80,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
28 มิถุนายน 2567
ผู้ชม 20 ครั้ง